Welcome to blogger of Wiliawan Suktwee

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 6
วันอังคาร ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
เนื้อหาที่เรียน
  แบ่งกลุ่มเรียนตามหน่วยการสอน

    สาระที่ควรเรียนรู้
    1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก
    2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก
    3. ธรรมชาติรอบตัว
    4. สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก

    มอบหมายงานให้ทำ มายแม็พ 

    บูรณาการรายวิชา
    -คณิตศาสตร์
    -วิทยาศาสตร์
    -สังคมศึกษา
    -ศิลปะสร้างสรรค์ 
    -พลศึกษา
    -สุขศึกษา
    -ภาษา

    6 กิจกรรมหลัก
    -การเคลื่อนไหวและจังหวะ
    -กิจกรรมกลางแจ้ง
    -เกมการศึกษา
    -ศิลปะ
    -เสริมประสบการณ์
    -เสรี


    หน่วยประสาทสัมผัสทั้ง 5


    หน่วย บ้านแสนรัก


    หน่วยใต้ร่มไม้


    หน่วย อาหารดีมีคุณค่า


    หน่วยผลไม้เพื่อสุขภาพ


    หน่วยผีเสื้อ


    หน่วยตัวฉัน

    ตัวอย่าง





    ประเมิน
    ประเมินตนเอง :ตั้งใจศึกษา หาข้อมูล ทำงานเป็นกลุ่ม
    ประเมินเพื่อน : ตั้งใจทำงานกลุ่ม และศึกษาหาข้อมูล
    ประเมินอาจารย์ : หาเทคสอนให้เข้าใจมากขึ้น มัคำแนะนำ และให้นักศึกษาได้ลงมือทำ คิดตัดสินใจเอง
    บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 5
    วันจันทร์ ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

    ความรู้ที่ได้รับ

    1.การสอนแบบสตอรี่ไลน์ (storyline)

        ลักษณะของ  storyline
    เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ,ทุกคนมีโอกาสแสดงความสามารถ,สร้างความตื่นตัวให้ผู้เรียนอยู่เสมอ,ฝึกทักษะพื้นฐานกับชีวิตจริง,สร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ,ใช้ได้ดีกับการเรียนรู้ภาษา สิ่งแวดล้อม,ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่

    องค์ประกอบและลักษณะกิจกรรม
    ฉาก  ลักษณะกิจกรรม
    1. แบ่งกลุ่มสร้างภาพ สองมิติ สามมิติ
    2. กำหนดรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่
    3. ร่วมกันอภิปรายภาพและสิ่งที่เกิดขึ้น
    4. อภิปรายทั่วไปเกี่ยวกับสถานที่ โดยเงื่อนไขของเวลาต่างๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต

    ตัวละคร ลักษณะกิจกรรม
    1. ช่วยกันสร่าง (วาด ประดิษฐ์) ตัวละครที่กำหนดขึ้น
    2. ช่วยกันเสนอแนะว่ามีใครบ้าง ที่จำเป็นต้องมีอยู่ในเรื่องนี้
    3. เล่าเขียนอธิบายลักษณะนิสัย เพื่อนำไปเป็นเนื้อหาสาระการเรียนรู้ต่อไป

    การดำเนินชีวิต ลักษณะกิจกรรม
    1. ร่วมกันอภิปรายถึงวิถีชีวิต ของบุคคลต่างๆ ในการดำเนินชีวิตตามลักษณะความเป็นอยู่
    2. กิจวัตรประจำวัน การเดินทาง

    เหตุการณ์ ลักษณะกิจกรรม
    1. ผู้เรียนได้ข้อเสนอแนะถึงความเป็นไปได้ โดยการอภิปรายหรือถกเถียงร่วมกัน
    2. ผู้เรียนสะท้อนภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อธิบายเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ

    กฎระเบียบ ลักษณะกิจกรรม
    1. ผู้เรียนอภิปรายถึงการกำหนดแนวทาง หลักการปฏิบัติดำเนินชีวิตร่วมกัน ตามเนื้อหาสาระ
    2. เขียน พิมพ์แนวทาง แผนงาน นโยบาย กิจกรรม ข้อตกลง ปิดประกาศ แจ้งให้ทราบทั่วกัน

    จังหวะเวลา ลักษณะกิจกรรม
    1. ให้เหตุผลต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ตามช่วงเวลาต่างๆ
    2. พัฒนาแนวคิดต่างๆ โดยการอภิปราย ปฏิบัติงานร่วมกันและบันทึกข้อมูล

    เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น ลักษณะกิจกรรม
    1.ผู้สอนและผู้เรียนร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมที่นำไปสู่การสรุปเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ทุกคนมีความสุข เช่นงานเฉลิมฉลอง การมอบรางวัล
    2.วางแผนกำหนดกิจกรรมให้สมบูรณ์
    เช่น พิธีเปิด กำหนดการ จดหมายขอบคุณ การแสดง การนำเสนอผลงาน

    การสะท้อนผลงาน ลักษณะกิจกรรม
    ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนสะท้อนความรู้สึกวิพากษ์ประเด็นสำคัญ เปรียบเทียบความแตกต่าง สรุปความรู้ที่ได้จัดทำเอกสารเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือเล่มเล็ก แฟ้มสะสม
    แนวทางการจัดกิจกรรม
    -      ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วิธีการจัด    กิจกรรมแบบ storyline
     -    ศึกษาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่มีลักษณะหัวเรื่องโดยใช้เทคนิค storyline เลือกแผนที่มีความเหมาะสมกับชั้นเรียน เพื่อทดลองสอน
    ข้อดี
    -          การคิดและลงมือปฏิบัติ ค้นพบ สืบสวน สร้างจินตนาการ แก้ปัญหา ตัดสินใจ รับผิดชอบ
    -          ยอมรับคุณค่าของตนเองและผู้อื่น
    -          Active Learning กระตือรืนร้น นำไปใช้จริง ลงมือศึกษา คิด ปฏิบัติ ท้าทายความสามารถ
    -          ผู้เรียนพัฒนาตนเอง สติปัญญา ความคิด การวิเคราะห์ สร้างสรรค์ แกไขปัญหา ตัดสินใจ สร้างความรู้ แสวงหาความรู้ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน
    ข้อจำกัด
    -ไม่ควรสอนหลายๆหัวเรื่องไปพร้อมกัน
    -กิจกรรมต้องมีความหมายกับผู้เรียน
    -หัวเรื่องที่สร้างขึ้นต้องเพียงพอที่จะสัมพันธ์เรื่องอื่นได้อย่างกว้างขวาง


    อ้างอิง
    สุคนร์ สินธพานนท์และคณะ.(2554) วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา                        
             เพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119    
             เทคนิคพริ้นติ้ง.
    ฆนัท ธาตุทอง.(2551) การออกแบบการสอนและบูรณาการ.เพชรเกษม 

              การพิมพ์.


    การสอนแบบวอลดอร์ฟ
    ตัวอย่างการสอน






    การสอนแบบภาษาธรรมชาติ
    ตัวอย่าง

    ประเมิน
    ประเมินตนเอง : ตั้งใจเรียน จดบันทึก พยายามจะตอบคำถาม
    ปรัเมินเพื่อน : เพื่อนตั้งใจจดบันทึกและ สามารถโต้ตอบอาจารย์ได้อย่างดี
    ประเมินอาจารย์ : อาจารย์อธิบายเนื้อหาให้เห็นภาพและเข้าใจง่ายมากขึ้น


    วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

    บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 4
    วัน จันทร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561
    เวลา 08:30 - 10:30 น.

    ความรู้ที่ได้รับ 
    นำเสนองาน 2 กลุ่ม เรื่อง

    1.รูปแบบการเรียนรู้แบบมอนเตสซอรี่

    ที่มาของการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ
          การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เกิดจากแนวคิดของมาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) แพทย์หญิงชาวอิตาลีที่มีความเชื่อว่า การให้การศึกษากับเด็กในวัยเริ่มต้น ไม่ใช่การนำความรู้ไปบอกเด็ก แต่ควรเป็นการปลูกฝังให้เด็กได้เจริญเติบโตไปตามความต้องการทางธรรม ชาติของเขา มอนเตสซอรี่เริ่มต้นนำแนวการสอนนี้ไปใช้กับเด็กที่มีพัฒนาการทางสติปัญญาล่าช้า โดยประดิษฐ์สื่อวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการเปิดโอกาสให้เด็กได้ค้นพบสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง
    จุดมุ่งหมายของการสอนแบบมอนเตสซอรี่
           คือ ช่วยพัฒนา หรือให้เด็กมีอิสระในด้านบุคลิกภาพของเด็กในวิถีทางต่างๆ อย่างมากมาย สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนระบบมอนเตสซอรี่ คือ การจัดระบบเพื่อสะท้อนถึงศักยภาพที่แท้จริง และความต้องการของเด็ก เพื่อเด็กจะได้พัฒนาบุคลิกภาพของเขา
    การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ คือ
              การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่เป็นการจัดสภาพการเรียนรู้สำหรับเด็ก โดยมีครูเป็นผู้จัดสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนให้เหมือนบ้าน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน ให้เสรีภาพแก่เด็ก ให้คำปรึกษาและกระตุ้นให้เด็กคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง ให้ใช้จิตใจซึมซับสิ่งแวดล้อมเพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่า เด็กคือ ผู้รู้ความต้องการของตนเองและมีความสามารถที่จะซึมซับการเรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมได้
    หลักสูตรของมอนเตสซอรี่สำหรับเด็กวัย 3-6 ขวบ ครอบคลุมการศึกษา 3 ด้าน
    1.ด้านทักษะกลไก (Motor Education) หรือกลุ่มประสบการณ์ชีวิต มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการดูแลและจัดการสิ่งแวดล้อมเด็กจะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเบื้องต้นของชีวิตประจำวัน เช่น มารยาทในการรับประทานอาหารเป็นต้น
    2.ด้านประสาทสัมผัส (Education of the Senses) มีจุดประสงค์เพื่อฝึกการสังเกต การใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้าเกี่ยวกับมิติรูปทรง ปริมาตรของแข็ง ของทึบ อุณหภูมิ เด็กจะได้รู้จักทรงกระบอก ลูกบาศก์ ปริซึม แขนงไม้ ชุดรูปทรงเรขาคณิต
    3.ด้านการเขียนและคณิตศาสตร์ (Preparation For Writing and Arithmetic) หรือกลุ่มวิชาการ
    มีจุดประสงค์เพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา เตรียมตัวด้านการอ่านการเขียนโดยธรรมชาติ
    การประสมคำ คณิตศาสตร์
    การเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะ
          การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่มีลักษณะส่งเสริมการเรียนด้วยตนเองของเด็ก เน้นการช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด โดยสภาพของโรงเรียนจัดสิ่งแวดล้อมให้เสมือนบ้าน มีห้องต่างๆ ที่บ้านควรมี เช่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่นมีห้องโถงใหญ่ที่จัดมุมการเรียนรู้ไว้ตอบสนองความต้องการของเด็ก ได้แก่     มุมฝึกประสาทสัมผัส มุมภาษา มุมคณิตศาสตร์ มุมดนตรี มุมศิลปะ มุมที่จะสอนสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และมุมภูมิศาสตร์ เป็นต้น ห้องนี้เปรียบเสมือนห้องทำงานของเด็ก จะมุ่งเน้นทางด้านสติปัญญา

     หลักการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่ มีดังนี้
    -   จัดห้องเรียนให้เสมือนบ้าน
    -   ให้เสรีภาพกับเด็กที่จะเลือกเล่นด้วยตนเอง
    -   จัดสภาพการณ์ต่างๆที่ยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง
    -   พัฒนาจิตใจของเด็กไปพร้อมกับการพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและร่างกาย
    -   การเรียนไปพร้อมกับการเล่น
    -   ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสของเด็กทุกด้าน
    -   การรักเด็กและนับถือความสามารถที่เป็นธรรมชาติของเด็ก
    การจัดการเรียนการสอนแบบมอนเตสซอรี่จะส่งเสริมเด็กให้เกิดคุณลักษณะ ดังนี้
    -   เด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีเพราะหลักสูตรมอนเตสซอรี่ออกแบบโดยการเลียนแบบชีวิตจริง
    -   เด็กเรียนด้วยความสุข เพราะเป็นจัดการเล่นปนเรียน สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็ก
    -   เด็กได้เข้าสังคมกับเพื่อน ให้เด็กที่มีความแตกต่างกันเรียนรู้ที่อยู่ร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือกัน เพราะการเรียนแบบจัดกลุ่มเด็กหลายอายุ รวมกลุ่มกัน
    -   การเรียนที่มุ่งให้เด็กทำกิจกรรมจนสำเร็จด้วยตนเอง ไม่มีการแข่งขันเปรียบเทียบ เด็กจะรู้สึกท้าทายตนเอง ไม่เครียด ไม่เบื่อหน่ายการเรียน

    2.รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป

    การสอนแบบไฮสโคป
    การสอนเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้พัฒนาคน  การเรียนรู้และการสอนทำให้มี
    การคิดเชื่อมโยงความรู้ได้อย่างรวดเร็ว  การศึกษาปฐมวัยจึงเป็นการศึกษาที่จัดให้แก่เด็ก  6
    ขวบแรกเป็นการจัดการศึกษาเพื่อการดูแล และสร้างเสริมเด็กให้พัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ
           การสอนเด็กปฐมวัยไม่ใช่การถ่ายทอดความรู้  แต่เป็นการจัดประสบการณ์อย่างมีรูปแบบเพื่อส่งเสริมพัฒนาการ  พัฒนาสมรรถนะทางปัญญา  และพัฒนาจิตนิยมที่ดี  การเรียนการสอนสำหรับปฐมวัย มีหลากหลายรูปแบบแต่สำหรับรูปแบบที่ผู้เขียนจะนำเสนอนั้นก็เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความน่าสนใจอีกรูปแบบหนึ่ง  รูปแบบการเรียนการสอนที่ว่านั้นก็คือ  รูปแบบการเรียนการสอนแบบไฮสโคป
    ความเป็นมา
    การเรียนการสอนแบบไฮสโคป  เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่พัฒนามาจากโครงการ  เพอรี่ พรีสคูล (Perry Preschool Project) เมืองยิปซีแลนติ (Ypsilanti) รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 1960 โดย เดวิด ไวคาร์ด (David Weikart) และคณะ เป็นโปรแกรมการศึกษาที่มีหลักสูตรและการสอนเน้นการเรียนรู้โดยใช้หลักการสร้างความรู้ (constructive process) จากการกระทำ ที่ต้องมีการร่วมกันคิดร่วมกันทำตามแผนที่กำหนด ซึ่งต่อมาได้มีผู้นำรูปแบบการศึกษาของไฮสโคปไปใช้อย่างแพร่หลาย รวมถึงการนำมาใช้กับการเรียนการสอนระดับปฐมวัยศึกษาด้วย
    แนวคิดพื้นฐาน
             การสอนแบบไฮสโคป มีพื้นฐานแนวคิดมาจากทฤษฎีของเพียเจท์ (Piage’s Theory)ว่าด้วยพัฒนาการทางสติปัญญา ที่เน้นการเรียนรู้ด้วยการลงมือปฏิบัติที่เด็กสามารถสร้างความรู้ได้เองโดยใช้กระบวนการสร้างสรรค์การเรียนรู้ (Constructive process of learning) เด็กจะเรียนรู้จากการกระทำของตน การประเมินผลงานอย่างมีแบบแผน ช่วยให้เด็กเกิดความรู้ขึ้น 
    แนวคิดสำคัญ
             แนวการสอนแบบไฮสโคป เน้นการเรียนรู้แบบลงมือกระทำผ่านมุมเล่นที่หลากหลาย  ด้วยสื่อและกิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กและการแก้ปัญหาอย่างกระตือรือร้น
    การเรียนการสอน
           การเรียนการสอนแบบไฮสโคป เป็นการสร้างองค์ความรู้จากการที่เด็กได้ลงมือจัดกระทำกับอุปกรณ์ หรือสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นประสบการณ์ตรง  โดยที่ครูจะเป็นคนเตรียมอุปกรณ์ให้กับเด็กและกระตุ้นให้เด็กพัฒนาและดำเนิ นกิจกรรม โดยใช้หลักปฏิบัติ 3  ประการ  คือ
    Planเป็นการกำหนดแนวทางการปฏิบัติหรือดำเนินงานตามที่ได้รับมอบหมาย  มีการสนทนาระหว่างครูกับเด็ก  ว่าจะทำอะไร อย่างไร  การวางแผนกิจกรรมอาจจะใช้แสดงด้วยภาพหรือสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก  เป็นกระบวนการที่เด็กมีโอกาสเลือก และตัดสินใจ
    Do คือการลงมือกระทำตามแผนที่วางไว้  เป็นส่วนที่เด็กได้ร่วมกันคิด แก้ปัญหา  ตัดสินใจและทำด้วยตนเอง  เป็นส่วนที่เด็กได้มีการพัฒนาการพูดและปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสูง
    Review    เป็นช่วงที่ได้งานตามจุดประสงค์  ช่วงนี้จะมีการอภิปรายและเล่าถึงผลงานที่เด็กทำเพื่อทบทวนว่า เด็กสามารถปฏิบัติตามแผนที่วางไว้หรือไม่  มีการเปลี่ยนแปลงแผนอย่างไร  และชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างแผนกับการปฏิบัติ  และผลงานที่ทำ รวมถึงการเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ได้รับ
    การเรียนการสอนแบบไฮสโคป  สามารถนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกกิจกรรม เพราะกระบวนการและวิธีการสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กเปิดกว้างมีการคิดการปฏิบัติ ตามวงจรของการวางแผน  การปฏิบัติ และการทบทวน ( plan-do-review cycle ) เมื่อทำกิจกรรมแล้วเด็กสามารถที่คิดกิจกรรมอื่นต่อเนื่องได้ตามความสนใจ  จุดสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์การเรียนรู้ ( Key  experience ) ที่เด็กควรได้รับระหว่างกิจกรรม  ซึ่งครูต้องมีปฏิสัมพันธ์และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้จากกิจกรรมให้มากที่สุด
           ครู คือบุคคลที่จะช่วยให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ  หากรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความสอดคล้องภาวะการเรียนรู้ของเด็กและครูมีความเข้าใจในรูปแบบการเรียนการสอน ก็จะเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ที่ดีให้กับเด็กมากยิ่งขึ้น    



    การนำไปใช้ 
        
    เพื่อศึกษาทำความเข้าใช้และการปรับเปลี่ยนนำไปใช้ในทางที่ดีขึ้น และเพื่อศึกษาแนวทางการเรียนการสอน


    ประเมิน

    ประเมินตนเอง ตั้งใจจดบันทึก ตั้งใจฟัง ตอบคำถามไม่ค่อยได้

    ประเมินเพื่อน เพื่อนตั้งใจฟัง จดบันทึก และโต้ตอบคำถามได้อย่างดี

    ประเมินอาจารย์ อาจารย์มีคำแนะนำในการเสนอ และทำให้การนำเสนอเข้าใจถึงเนื้อหาเพิ่ม

    มากขึ้น


    บันทึกการเรียนครั้งที่ 17 วัน จันทร์ที่  1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ชดเชยการสอน ความรู้ที่ได้รับ เรื่องหลักสูตรการศึกษาของเด็กปฐมวัย 2560 ...